ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มยานยนต์ประมาณ 65% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคประมาณ 18% และกลุ่มเครื่องมือแพทย์ประมาณ 17% POLY ตั้งเป้ากระจายรายได้แต่ละกลุ่มธุรกิจให้ใกล้เคียงกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเป็นหลัก โดยจะเร่งการเติบโตของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้ากลุ่มเครื่องมือแพทย์ด้วยการทำการตลาด และร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับสถาบันต่างๆ เพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

ภาพรวมครึ่งปีหลัง มีหลายปัจจัยที่เป็นบวกเช่น แนวโน้มราคาวัตถุดิบเริ่มลดลง ต้นทุนด้านพลังงานลดลง รวมถึงแผง Solar cell ติดตั้งและสามารถผลิตไฟฟ้าได้แล้ว รวมถึงแผนการรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตที่ได้เริ่มทำแล้ว เช่น การพัฒนาระบบ Automation ในโรงงานที่ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น การพัฒนาแม่พิมพ์เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตและลดของเสีย รวมถึงปัจจัยภายนอกในภาพเศรษฐกิจมหภาค ที่มีดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และกำลังซื้อมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ

ไตรมาสที่ 3 เริ่มมีการ Mass production ผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการทำให้รายได้เริ่มกลับตัวขึ้นมาทดแทนส่วนที่หายไปของสินค้าอุปโภคบริโภคได้ ส่วนทางด้านต้นทุนมีแนวโน้มลดลงทั้งด้านราคาวัตถุดิบ และต้นทุนด้านพลังงาน

POLY ตั้งเป้ากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25-30% จากรายได้ที่เริ่มกลับมาในไตรมาสที่ 3-4 และต้นทุนต่างๆมีแนวโน้มที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่อยู่ในระดับต่ำ ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายขายและบริหารอยู่ที่ 8-9% ของรายได้ ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำเช่นเดียวกัน เนื่องจากได้มีการทยอยชำระหนี้ไปก่อนหน้าค่อนข้างเยอะแล้ว และยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจาก BOI ทำให้อัตราส่วนของความสามารถในการทำกำไร เพิ่มขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก

ฝ่ายบริหารได้ติดตามสภาพเศรษฐกิจ และผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานโดยคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เช่น การพัฒนาสูตรยาง การใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุรักษ์โลก รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เช่น การใช้ระบบ automation การพัฒนาแม่พิมพ์ การลดการใช้พลังงานหรือการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่อยู่ในระดับสูง และมีราคาที่สามารถแข่งขันได้

เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ของตลาด และยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์สายซิลิโคนให้อาการผ่านทางหน้าท้อง (PEG) กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

ปัจจุบันลูกค้า Consumer ที่ลดลงเริ่มมีการปรับแผนกลยุทธการตลาด โดยเริ่มขายสินค้าในประเทศอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อทดแทนกับคำสั่งซื้อที่เลื่อนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจอเมริกาที่มีภาวะชะลอตัว อย่างไรก็ตาม POLY ยังได้รับความไว้วางใจ โดยได้รับคำสั่งซื้อจากผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาทดแทนกับคำสั่งซื้อที่ลดลงเข้ามาส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ สินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดประเทศญี่ปุ่นยังคงมียอดขายที่เติบโตได้ดี ผ่านการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ทำให้ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มราคาวัตถุดิบโดยหลักจะอิงจากราคาน้ำมัน เนื่องจากปิโตรเคมีหลายๆจะเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการที่เกี่ยวกับน้ำมัน ในปี 2565 ราคาน้ำมันเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งราคาน้ำมันได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ดังกล่าวมีความคลี่คลายมากขึ้น ราคาน้ำมันเริ่มลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ส่วนแนวโน้มในปี 2566 อาจจะต้องระเมินปัจจัยหลายๆด้านประกอบ เช่น สภาพเศรษฐกิจ ภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการตั้งราคาขายโดยใช้ต้นทุนเป็นเกณฑ์ หากราคาวัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ราคาขายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน

ปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้เช่น ปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการวางแผนและบริหารความเสี่ยง และได้มีการจัดทำวิธีรับมือกับความเสี่ยง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15% โดยการเติบโตจะเติบโตจากทุกๆ อุตสาหกรรม รวมถึงโอกาสทางธุรกิจจากกลุ่มใหม่อื่นๆ ที่เป็นโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

แผนการติดตั้ง Solar cell มีขนาดการผลิตไฟฟ้าสูงสุดรวมประมาณ 2.5 MW หากคำนวณประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ประมาณ 75% โดยให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณเดือนละ 243,750 หน่วย ซึ่งการใช้ไฟฟ้าดังกล่าวจะไปลดลงโดยตรงกับค่าไฟฟ้า on peak ที่มีอัตราที่สูงเนื่องจากค่า ft ที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบัน

ซึ่งปัจจุบันการใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 900,000 หน่วย รวมทั้ง on peak และ off peak ซึ่งจะทำให้หน่วยไฟฟ้าที่ใช้ลดลงจากเดิมประมาณคิดเป็นประมาณ 25% ของหน่วยที่ใช้ไฟฟ้า

กำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 5,400 ตันต่อปี แผนเพิ่มกำลังการผลิตของปี 2566 มีประมาณ 200 ตัน โดยส่วนใหญ่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ได้เพิ่มขึ้นในปี 2565 ไปแล้วค่อนข้างเยอะ จากแผนการขยายโรงงาน เพื่อรองรับการเติบโตในแต่ละอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น

แผนการลงทุนในปี 2566 มีการจัดสรรงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งรายการส่วนใหญ่จะประกอบด้วย แผนการติดตั้ง Solar cell การซื้อเครื่องจักรเพื่อรองรับการเติบโตการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และการปรับปรุงไลน์การผลิต

ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการเติบโต รวมถึงธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธของบริษัท โดยคำนึงถึงเป้าหมายที่สอดคล้องวิสัยทัศน์ของบริษัท และมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นสำคัญ